27 มีนาคม 2023 / เวลา 11:37 น.

ปฏิบัติการปราบปราม เนื้อหาไม่เหมาะสม และหลอกลวงขายสินค้าทางออนไลน์

ปฏิบัติการปราบปราม เนื้อหาไม่เหมาะสม และหลอกลวงขายสินค้าทางออนไลน์

ด้วยปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงข่าวสาร ตลอดจนการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และข้อมูลที่เป็นโทษปะปนกัน ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม ศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณี และมีความขัดแย้งต่อกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศไทยในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

 

 

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มีภารกิจที่ต้องดำเนินการสืบสวนปราบปรามผู้ที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม และหลอกลวงขายสินค้าทางออนไลน์ ผู้ร่วมขบวนการ บนสื่อออนไลน์และเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. , ว่าที่ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ดำเนินการ “ปฏิบัติการปราบปรามเนื้อหาไม่เหมาะสม และหลอกลวงขายสินค้าทางออนไลน์” ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1935/2562 ลงวันที่  25 ธันวาคม 2562

.

พฤติการณ์ในคดี : ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ไม่หวังดีสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีพฤติกรรมการโพสต์ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมเพื่อดึงดูดผู้ชมจำนวนมากให้เข้ามามีส่วนร่วมในเพจ โดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อการ
สร้างรายได้จากการหลอกลวงขายสินค้าให้กับผู้ติดตามเหล่านั้น ทำให้ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้โพสต์ภาพ และข้อความที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านเฟซบุ๊กจำนวนหลายครั้งติดต่อกัน การกระทำดังกล่าวเป็นการกระตุ้นความเกลียดชัง ทำให้ข้อความที่โพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ตลอดจนแชร์เนื้อหาเหล่านั้นออกไปเป็นจำนวนมาก จนอาจทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกไม่พอใจ ทั้งยังตกเป็นเหยื่อจากพฤติกรรมในการหลอกลวงขายสินค้า

.
บก.ปอท. จึงได้ดำเนินการสืบสวน และนำไปสู่การยื่นคำร้องขอหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(3) “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรฯ”ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อ (Share) ภาพ หรือข้อความดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(5) อัตราโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ด้วยเช่นกัน
กรณีที่ประชาชนตรวจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์ ท่านสามารถรายงานปิดกั้นเบื้องต้นตามช่องทางของสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภท หรือแจ้งมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หมายเลขโทรศัพท์ 0 2142 2556 และ 0 2142 2557 หรือทางเว็บไซต์ tcsd.go.th เพื่อดำเนินการปิดกั้น ระงับ ยับยั้งตามช่องทางของกฎหมาย และสืบสวนจับกุมผู้นำเข้าเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

.