แถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหาภัยสังคม อ้างตัวเป็นตำรวจ ปอท. หลอกลวงประชาชนหลายสิบรายและมีหมายจับติดตัวหลายหมาย

แถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหาภัยสังคม อ้างตัวเป็นตำรวจ ปอท.

หลอกลวงประชาชนหลายสิบรายและมีหมายจับติดตัวหลายหมาย

เมื่อ วันที่ 11 มี.ค. 2563 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.สมเกียรติ เฉลิมเกียรติ รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศราวุฒิ บวรกิจประเสริฐ ผกก.๒ บก.ปอท., พ.ต.ท.กมล ทวีศรี รอง ผกก.๒ บก.ปอท., พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด รอง ผกก.๒ บก.ปอท.

เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอท. ได้ร่วมกัน จับกุมตัว ผู้ต้องหา นายสรชัย แซ่ตั้ง อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 344/2563 ข้อหา
“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 341 มาตรา 342 ประกอบมาตรา 83”

.
พฤติการณ์คดี

.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้ทำการจับกุมตัว นายสรชัย แซ่ตั้ง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 344/2563 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2563 ในฐานความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” โดย นายสรชัยฯ รับว่าได้ทำการหลอกลวงโดยการสร้างเฟสบุ๊คชื่อว่า “Sunanun Nonglek” เพื่อหลอกลวงประชาชนที่เคยถูกหลอกฉ้อโกงมาแล้วและนายสรชัยฯ สร้างไลน์ปลอมให้ประชาชนติดต่อ โดยเมื่อประชาชนหลงเชื่อได้แอดไลน์เข้าไป จากนั้น นายสรชัยฯ ได้ใช้ชื่อเป็นตำรวจชื่อว่า “ร.ต.อ.สุพัชชัยฯ” อ้างเป็นตำรวจ ปอท. จากนั้นได้หลอกให้ประชาชนให้ส่งหลักฐานเกี่ยวกับการถูกโกงแชร์มาเพื่อที่จะติดตามนำเงินคืนมาให้ โดยให้ประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์และให้ประชาชนหลงเชื่อจึงโอนเงินธนาคารอื่นมาเก็บไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อตรวจสอบก่อน เมื่อประชาชนหลงเชื่อก็ให้ ประชาชนที่ถูกฉ้อโกงส่งข้อมูล เลขบัตรประชาชน,เลขหน้าบัตรเอทีเอ็ม,รหัส OTP ธนาคาร เพื่อเข้าไปใช้งานแอปพลิเคชัน อีแบงค์กิ้งของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบัญชีของผู้เสียหาย ต่อมา นายสรชัยฯ ได้ใช้วิธีกดเงินสดโดยไม่ใช่บัตร และ หลอกลวงผู้เสียหาย ได้เงินไปหลายแสนบาท จึงควบคุมตัวพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.
จากการตรวจสอบพบว่า นายสรชัย แซ่ตั้ง เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกงและคดีเกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ในหลายท้องที่จำนวน 6 หมาย